Smart Factory

Post date : October 18, 2024

Smart Factory: โรงงานอัจฉริยะ สร้างมูลค่าเพิ่มในการผลิตได้อย่างไร
Smart Factory หรือที่เรียกว่า โรงงานอัจฉริยะ คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าร่วมกับการทำงานในโรงงาน โดยนำเทคโนโลยีอย่าง Robotics, Internet of Things (IoT), และ Artificial Intelligence (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งหมดให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยที่อยู่ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสมของโรงงานนั้น ๆ



สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำโรงงานอัจฉริยะมีอะไรบ้าง
  •  ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง
  •  ประเมินศักยภาพโรงงาน
  •  งบประมาณในการลงทุน
ส่วนสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้คือ การทำงานที่มีประสิทธิผลสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณงานในขณะเดียวกัน ลดเวลาการหยุดทำงานและต้นทุนลง ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนี้คือการนำหุ่นยนต์ประสิทธิภาพสูงและอุปกรณ์อัจฉริยะมาใช้ รวมถึงเซ็นเซอร์และอุปกรณ์สื่อสารเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ โดยปรับปรุงการผลิตให้เหมาะสมที่สุดและสร้างโรงงานอัจฉริยะแบบบูรณาการที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ดีขึ้น



การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล คือการแลกเปลี่ยนข้อมูล (data) ระหว่างผลิตภัณฑ์ (products) และสายการผลิต (production line)  ข้อมูลดิจิทัลที่รวบรวมจากอุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการติดตามประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ (OEE) รักษาประสิทธิภาพของกระบวนการและตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้ โดยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้จำเป็นต้องใช้ แพลตฟอร์ม OPC-UA ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เช่น Yaskawa Cockpit™ ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูล ตามแนวทาง i3-Mechatronics ด้วยการผสานรวมอุปกรณ์, เซ็นเซอร์, หุ่นยนต์และซอฟแวร์ (integrated) เพิ่มความชาญฉลาดด้วยการแสดงข้อมูลอย่างทันท่วงที (intelligence) และการสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม (innovative) ด้วยแนวคิดนี้ทำให้ผู้ควบคุมการผลิต สามารถดูสิ่งที่เกิดขึ้นในสายการผลิต เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกได้ สร้างประสิทธิภาพและเพิ่มมูลค้าของการผลิตได้ ซึ่งขั้นตอนการทำงานของโรงงานอัจฉริยะ
  1. การกำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน: การมีเป้าหมายขององค์กรที่ชัดเจน จะช่วยให้เข้าใจ "เหตุผล" ในการดำเนินงาน เช่น มาตรฐานคุณภาพ, เป้าหมายระยะยาวและระยะสั้น รวมถึงเป้าหมายการทำงาน cycle time ต่อนาที/วัน/ชั่วโมง
  2. การวางแผนงานเพื่อความสำเร็จ: กำหนดวิธีการบรรลุเกณฑ์มาตรฐานแต่ละเกณฑ์ เช่น "ฉันต้องรวบรวมข้อมูลใดเพื่อปรับปรุงปัญหา" และ "ฉันควรใช้กระบวนการใดในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล"
  3. การดำเนินการ: ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด รวมถึงติดตามสิ่งที่ได้ผลและสิ่งที่ไม่ได้ผล
  4. การจัดการด้วยข้อมูล: การรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลของระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์และกระบวนการผลิต
  5. การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน การตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์และหุ่นยนต์ ตัวอย่างเช่น การใช้ข้อมูลสร้างขึ้นเพื่อวัดแรงบิดของมอเตอร์ เพื่อให้เห็นถึงความไม่สม่ำเสมอในการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพของหุ่นยนต์และป้องกันเวลาหยุดทำงานที่ไม่จำเป็น
  6. การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การใช้ข้อมูลที่ได้รับจากอุปกรณ์แต่ละเครื่องหรือจากแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อย่าง Yaskawa Cockpit ที่สามารถตรวจสอบ รวบรวม และส่งมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย


Smart Factory มีข้อได้เปรียบมากกว่าโรงงานทั่วไปในเรื่องใช้ต้นทุนที่น้อยกว่า เพิ่มกำไรอย่างยั่งยืนมากกว่า ใช้จำนวนกำลังคนน้อยลง ในขณะที่สามารถมีกำลังผลิตเท่าเดิมหรือเพิ่มมากกว่าเดิมได้ ตอบโจทย์อุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน สามารถเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนบางส่วนของโรงงานก่อนแทนที่จะเปลี่ยนทั้งหมด เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติแบบหุ่นยนต์หรือการวางแผนที่ปรับระบบให้เหมาะสม สามารถติดต่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญ YASKAWA  ของเราได้ที่
อีเมล์ : [email protected] หรือ โทร : +66 2017 0099


เครดิต : mreport, DIA